ความอัศจรรย์แห่งธรรมวินัย
ความอัศจรรย์แห่งธรรมวินัย
เปรียบด้วยมหาสมุทร
(สุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน-
อิติวุตตก- สุตตนิบาท)
[๑๑๗]
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในมหาสมุทร มีธรรมอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา ๘ ประการนี้
ที่พวก อสูรเห็นแล้วๆ พากันยินดีอยู่ในมหาสมุทร ๘ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาสมุทรลาดลุ่มลึกลงไปตามลำดับไม่โกรกชันเหมือนเหว
ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย
ข้อที่มหาสมุทรลาดลุ่มลึกลงไปตามลำดับ ไม่โกรกชันเหมือนเหว
นี้เป็นธรรมอัน น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา ประการที่ ๑ มีอยู่ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ
พากันยินดีอยู่ใน มหาสมุทร ฯ
อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ไม่ล้นฝั่ง ดูกรภิกษุทั้งหลาย
แม้ข้อที่
หาสมุทรเต็มเปี่ยมอยู่เสมอไม่ล้นฝั่งนี้ก็เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์ไม่เคยมีมาประการที่
๒
อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรย่อมไม่เกลื่อนกล่นด้วยซากศพเพราะคลื่นย่อมซัดเอาซาก
ศพเข้าหาฝั่งให้ขึ้นบก ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ข้อที่มหาสมุทรไม่เกลื่อนกล่นด้วยซากศพ
เพราะ คลื่นย่อมซัดเอาซากศพเข้าหาฝั่งให้ขึ้นบก นี้ก็เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์
ไม่เคยมีมา ประการที่ ๓
อีกประการหนึ่ง แม่น้ำสายใหญ่ๆ คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดีสรภู มหี
แม่น้ำ
เหล่านั้นไหลไปถึงมหาสมุทรแล้ว
ย่อมละชื่อและโคตรเดิมหมด ถึงการนับว่ามหาสมุทรนั่นเอง ดูกรภิกษุทั้งหลาย
แม้ข้อที่แม่น้ำสายใหญ่ๆคือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหี
แม่น้ำเหล่านั้นไหลไปถึงมหาสมุทรแล้ว
ย่อมละชื่อและโคตรเดิมหมด ถึงการนับว่ามหาสมุทร นั่นเองนี้ก็เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์
ไม่เคยมีมา ประการที่ ๔
อีกประการหนึ่ง แม่น้ำทุกสายในโลกย่อมไหลไปรวมลงในมหาสมุทรและสายฝนก็
ตกลงสู่มหาสมุทร
มหาสมุทรก็มิได้ปรากฏว่าจะพร่องหรือเต็มเพราะน้ำนั้นๆ ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ข้อที่แม่น้ำทุกสายในโลกไหลไปรวมลงในมหาสมุทร
และสายฝนก็ตกลงสู่มหาสมุทร
แต่ มหาสมุทรก็มิได้ปรากฏว่าจะพร่องหรือเต็มเพราะน้ำนั้นๆ
นี้ก็เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี มา ประการที่ ๕
อีกประการหนึ่ง
มหาสมุทรมีรสเดียว คือ รสเค็ม ดูกรภิกษุทั้งหลายแม้ข้อที่มหาสมุทร
ทั้งหลายมีรสเดียว คือ รสเค็ม
นี้ก็เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์ไม่เคยมีมา ประการที่ ๖
อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด
ในมหาสมุทรนั้นมีรัตนะเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา
แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม แก้วมรกต ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ข้อที่มหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด
นี้ก็เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาประการที่ ๗
อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรเป็นที่พำนักอาศัยของสิ่งที่มีชีวิตใหญ่ๆ
สิ่งมีชีวิตใหญ่ๆ
ในมหาสมุทรนั้น คือ ปลาติมิ ปลามิงคละ
ปลาติมิติมิงคละพวกอสูร นาค คนธรรพ์ แม้ที่
มีร่างกายใหญ่ประมาณร้อยโยชน์
สองร้อยโยชน์ สามร้อยโยชน์ สี่ร้อยโยชน์ ห้าร้อยโยชน์
ก็มีอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลายแม้ข้อที่มหาสมุทรเป็นที่พำนักของสิ่งที่มีชีวิตใหญ่ๆ
นี้ก็เป็นธรรม
อันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา ประการที่
๘ ที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ พากันยินดีอยู่ในมหาสมุทร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ในมหาสมุทรมีธรรมอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา๘ ประการนี้แล ที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ
พากันยินดีอยู่ในมหาสมุทร
[๑๑๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในธรรมวินัยนี้ ก็มีธรรมอันน่าอัศจรรย์ไม่เคยมีมา
๘ ประการ ที่ภิกษุทั้งหลายเห็นแล้วๆ พากันยินดีอยู่ในธรรมวินัยฉันนั้นเหมือนกัน ๘
ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในธรรมวินัยนี้ มีการศึกษาไปตามลำดับ
มีการกระทำไปตามลำดับ
มีการปฏิบัติไปตามลำดับ
มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตผลโดยตรง เปรียบเหมือนมหาสมุทรลาดลุ่มลึกไปตามลำดับ
ไม่โกรกชันเหมือนเหวฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ในธรรมวินัยนี้มีการศึกษาไปตามลำดับ
มีการกระทำไปตามลำดับ มีการปฏิบัติไปตามลำดับ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตผลโดยตรง
นี้เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาประการที่ ๑ ในธรรมวินัยนี้
ที่ภิกษุทั้งหลายเห็นแล้วๆ พากันยินดีอยู่ในธรรมวินัยนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สาวกทั้งหลายของเรา
ไม่ล่วงสิกขาบทที่เราบัญญัติแล้วแม้เพราะเหตุแห่งชีวิต
เปรียบเสมือนมหาสมุทรเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ไม่ล้นฝั่ง ฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย
แม้ข้อที่สาวกทั้งหลายของเรา
ไม่ล่วงสิกขาบทที่เราบัญญัติแล้ว นี้ก็เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา
ประการที่ ๒
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ทุศีล มีบาปธรรม
มีความประพฤติไม่สะอาดน่ารังเกียจ
ปกปิดกรรมชั่ว
ไม่ใช่สมณะปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ปฏิญาณว่าประพฤติพรหมจรรย์
เสียใน ชุ่มด้วยราคะเป็นดุจหยากเยื่อ สงฆ์ไม่ยอมอยู่ร่วมกับบุคคลนั้น ประชุมกันยกวัตรเธอเสียทันที
แม้เขาจะนั่งอยู่ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ แต่เขาก็ชื่อว่าห่างไกลจากสงฆ์ และสงฆ์ก็ห่างไกลจากเขา
เปรียบเหมือนมหาสมุทร
ไม่เกลื่อนกล่นด้วยซากศพเพราะคลื่นย่อมซัดเอาซากศพในมหาสมุทรเข้าหาฝั่ง ให้ขึ้นบก
ฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ข้อที่บุคคลผู้ทุศีลมีบาปธรรม
และสงฆ์ก็ห่างไกลจากเขานี้ก็เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์
ไม่เคยมีมาประการที่ ๓
ดูกรภิกษุทั้งหลาย วรรณะ ๔ จำพวก คือ กษัตริย์ พราหมณ์แพศย์ ศูทร
ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วย่อมละชื่อและโคตรเดิม
ถึงการนับว่าพระสมณศากยบุตรทั้งนั้น เปรียบเหมือนแม่น้ำใหญ่ๆ คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา
อจิรวดี สรภู มหี
แม่น้ำเหล่านั้นไหลไปถึงมหาสมุทรแล้ว
ย่อมละชื่อและโคตรเดิมหมด ถึงการนับว่ามหาสมุทรนั่นเองฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย
แม้ข้อที่วรรณะ ๔ จำพวก คือ กษัตริย์ พราหมณ์แพศย์ ศูทร
ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วย่อมละชื่อและโคตรเดิม ถึงการนับว่าพระสมณศากยบุตรทั้งนั้น นี้ก็เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์
ไม่เคยมีมา ประการที่ ๔
ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ภิกษุเป็นอันมากจะปรินิพพาน
ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ นิพพานธาตุก็มิได้ปรากฏว่าพร่องหรือเต็มด้วยภิกษุนั้น
เปรียบเหมือนแม่น้ำทุกสายในโลก ย่อมไหลไปรวมลงในมหาสมุทร
และสายฝนก็ตกลงสู่มหาสมุทร มหาสมุทรก็ไม่ปรากฏว่าพร่องหรือเต็มฉะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลายแม้ข้อที่ภิกษุทั้งหลายจะปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
นิพพานธาตุก็มิได้ปรากฏว่าพร่องหรือเต็มด้วยภิกษุนั้น นี้เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์
ไม่เคยมีมาประการที่ ๕
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมวินัยนี้มีรสเดียว คือวิมุตติรส
เปรียบเหมือนมหาสมุทรมีรสเดียว คือ รสเค็มฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย
แม้ข้อธรรมวินัยนี้มีรสเดียว คือ วิมุตติรส นี้ก็เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์
ไม่เคยมีมา ประการที่ ๖
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมวินัยนี้มีรัตนะมากมายหลายชนิด
ในธรรมวินัยนั้นมีรัตนะเหล่านี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์
๕พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ เปรียบเหมือนมหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด
ในมหาสมุทรนั้นมีรัตนะเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา
แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม แก้วมรกต ฉะนั้นดูกรภิกษุทั้งหลาย
แม้ข้อที่ธรรมวินัยนี้มีรัตนะมากมายหลายชนิดคือ สติปัฏฐาน
๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรค
มีองค์ ๘ นี้ก็เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์
ไม่เคยมีมา ประการที่ ๗
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมวินัยนี้เป็นที่พำนักอาศัยสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆ
ในธรรมวินัยนั้น มีสิ่งที่มีชีวิตใหญ่ๆ เหล่านี้ คือ พระโสดาบัน
ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล พระ
สกทาคามี ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล
พระอนาคามี ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล พระอรหันต์
ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอรหันต์
เปรียบเหมือนมหาสมุทรเป็นที่พำนักอาศัยของสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆ
ในมหาสมุทรนั้นมีสิ่งที่มีชีวิตใหญ่ๆ เหล่านี้คือ ปลาติมิติมิงคละ อสูร นาค
คนธรรพ์ แม้มีร่างกายใหญ่ประมาณร้อยโยชน์
สองร้อยโยชน์ สามร้อยโยชน์
สี่ร้อยโยชน์ห้าร้อยโยชน์ฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ข้อที่
ธรรมวินัยนี้เป็นที่พำนักอาศัยสิ่งที่มีชีวิตใหญ่ๆ
... ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอรหันต์ นี้ก็เป็นธรรมอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา
ประการที่ ๘ ในธรรมวินัยนี้ ที่ภิกษุทั้งหลายเห็นแล้วๆพากันยินดีอยู่ในธรรมวินัย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในธรรมวินัยนี้ มีธรรมอันน่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมา ๘ ประการนี้แล
ที่ภิกษุทั้งหลายเห็นแล้วๆ พากันยินดีอยู่ในธรรมวินัยนี้ ฯ